การตกแต่งบ้าน ก็เหมือนกับการสร้างบ้าน ที่ต้องทำให้เป็นมาตรฐาน มีขั้นตอนที่ชัดเจนเพื่อให้งานออกมาสวยงาม เพราะส่วนในบ้านเป็นส่วนที่เราใกล้ชิดที่สุด มองเห็นอยู่ทุกวัน ดังนั้นการเลือกผู้รับเหมาที่ทำหน้าที่ในการรับตกแต่งภายใน ต้องเลือกให้เป็น จะได้ไม่เกิดความเสียหายในภายหลัง อีกทั้งยังช่วยไม่ให้งบที่ใช้สำหรับตกแต่งบานปลายด้วย
เพราะฉะนั้นเราจะมาดูกันว่าวิธ๊การเลือกบริษัทที่รับตกแต่งภายในนั้นเลือกอย่างไร เผื่อท่านใดที่กำลังมีไอเดียอยากตกแต่งบ้านของตัวเองให้ดูดีขึ้น จะได้เอาไปใช้เลือกได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลในส่วนนี้เอาไว้ให้ทุกท่านได้ชมกันแล้ว
แนะนำการเลือกบริษัทรับตกแต่งภายใน
1.มีบริษัทเป็นหลักแหล่งแน่นอน
ขั้นแรกเราต้องดูก่อนว่าทางบริษัทที่จะจ้างมาทำงานให้นั้น เป็นบริษัทแบบไหน มีสำนักงานเป็นของตัวเองหรือไม่ เพื่อที่จะได้เพิ่มความมั่นใจว่า หากเกิดปัญหาอะไรหรือมีอะไรสอบถามเพิ่มเติม จะสามารถติดต่อกับทางบริษัทได้ตลอด เพื่อไม่ให้เกิดการโกงขึ้น เหมือนกับผู้รับเหมาสร้างบ้านที่ชอบเทงานของลูกค้า เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับเราเอง
2.มีประสบการณ์ทำงานจริง
ประสบการณ์ในการทำงานจริงของนักออกแบบของทางบริษัท จะเป็นหลักฐานการันตีว่าคุณภาพของงานจะออกมาดีหรือไม่ดี ถ้าทางบริษัทมีผลงานชัดเจน และเป็นที่น่าพอใจสำหรับเรา ก็บอกได้เลยว่างานที่เราจ้างต้องออกมาดีแน่ แต่ถ้าเป็นบริษัทใหม่ ที่ยังไม่เคยทำ รับตกแต่งภายใน หน้างานจริงมาก่อน ความเสี่ยงที่จะผิอดพลาดในการทำงานก็มีสูง
3.มีขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน
ขั้นตอนในการตกแต่งภายใน ต้องมีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน ตั้งแต่การประเมินราคา การออกแบบส่วนต่างๆ ที่ใช้ในการตกแต่ง รวมถึงขั้นตอนในการทำสัญญาเพื่อจ่ายเงิน ทางบริษัทที่รับหน้าที่ในการตกแต่งบ้าน จะต้องมีขั้นตอนเหล่านี้ให้ครบ เพื่อลูกค้าจะได้มั่นใจว่าทางบริษัทเป็นมืออาชีพจริง ไม่เทงาน โดยทุกขั้นตอนควรแจ้งให้ลูกค้าทราบทุกครั้ง เพื่อให้ลูกค้าได้ติดตามผลงานอย่างต่อเนื่อง
4.เป็นมิตรกับลูกค้า
เพราะการออกแบบตกแต่งภายในบ้าน จะต้องเอาตามแบบที่ลูกค้าต้องการ ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ที่ออกแบบ ควรมีมนุษย์สัมพันธ์กับลูกค้าที่ดี ไม่รู้สึกรำคาญเมื่อทางลูกค้าต้องการรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการออกแบบ และพร้อมจะให้คำแนะนำกับลูกค้าด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ทุกอย่างจะต้องคิดเป็นเงินเป็นทองเสมอ แบบนี้ลูกค้าคงไม่ประทับใจกับวิธีทำงานแน่นอน
5.มีการรับประกันผลงาน
การรับประกันผลงานที่ทำ จะเป็นตัวช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเราได้ระดับหนึ่ง ในกรณีที่งานที่ทำมาแล้วเกิดปัญหาในภายหลัง การเลือกบริษัทที่ตกแต่งภายใน จึงจะเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเลือกบริษัทที่มีการรับประกัน ที่สามารถติดต่อกับทางบริษัทได้ทันที ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรเกี่ยวกับผลงานที่ทำมา
จะเห็นว่าการเลือกบริษัทที่รับตกแต่งภายใน มีขั้นตอนการเลือกที่ละเอียดพอสมควร เนื่องจากมีคนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มามาก เราจึงเลือกแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ อีกอย่างการตกแต่งบ้านก็ใช้งบประมาณที่สูงพอสมควร หากวางแผนไม่ดี อาจจะทำให้โดนโกง หรือไม่ก็เกิดปัญหางบบานปลายที่ควบคุมไม่ได้